
แมวจามบ่อย น้องเสี่ยงเป็น “หวัดแมว” รึเปล่า?
ในช่วงที่สภาพแวดล้อมอากาศแปรปรวน บางวันมีแสงแดดอากาศแจ่มใสบางวันมีฝนตกชุก แน่นอนว่าหลายคนอาจจะไอ จาม มีน้ำมูก ภูมิคุ้มกันอ่อนแอจนติดไวรัสและเป็นหวัดในที่สุด เมื่อคนเราเป็นหวัดได้แล้ว เพื่อนสี่ขาที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเราก็สามารถป่วยเป็นหวัดได้เช่นกัน โดยเฉพาะน้องแมวที่มักจามน้ำมูกไหล มีขี้ตาเวลาไม่สบาย ซึ่งน้องเหมียวอาจจะเผชิญกับ “หวัดแมว อยู่ก็เป็นได้
วันนี้ PCG จะพาทุกคนมาหาสาเหตุว่าทำไมน้องแมวจามไม่หยุด หรือจามบ่อย พร้อมทำความรู้จักกับโรคหวัดแมว ว่ามีอาการแบบไหน และจะดูแลน้องอย่างไรให้หายหวัด เพื่อให้น้องกลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิม
น้องแมวจามบ่อย เกิดจากอะไร ?
ถ้าสงสัยว่าแมวจามบ่อย เกิดจากอะไร ให้ลองนึกย้อนดูว่าเราจามเพราะสาเหตุอะไรบ้าง เนื่องจากอาการจามของน้องแมวก็มีสาเหตุคล้าย ๆ กับเราเช่นกัน ปัจจัยที่ทำให้น้องแมวจามเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ และอาจไม่ใช่เพราะไข้หวัดอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น เศษหญ้า ฝุ่นหรือละอองฝอยลอยเข้าไปในจมูก หรือ อากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ก็ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองจมูก และจามออกมาในที่สุด
โดยปกติแล้ว อาการจามของน้องแมวไม่ได้แปลว่าจะเป็นหวัดแมวเสมอไป ซึ่งถ้าแมวจามเป็นครั้งคราว หรือจามแค่ครั้งสองครั้ง เราก็ไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด
ทำอย่างไรดี เมื่อน้องแมวจามบ่อย ?
แต่ถ้าแมวเริ่มมีอาการจามบ่อย ๆ แนะนำให้เจ้าของลองสังเกตและนับจำนวนครั้งที่แมวจาม ฟังแล้วอาจจะดูโอเวอร์ แต่ที่ต้องนับก็เพื่อเก็บไว้เป็นบันทึกหากต้องพาน้องแมวไปพบกับสัตวแพทย์ ก็จะช่วยให้คุณหมอสามารถวินิจฉัยอาการได้แม่นยำมากขึ้น
ถ้ายังไม่แน่ใจว่าน้องเป็นหวัดหรือยังไม่สามารถไปพบสัตวแพทย์ได้ในทันที เราสามารถดูแลอาการเบื้องต้นได้ ดังนี้
- ถ้าแมวจามมีน้ำมูก ให้เช็ดน้ำมูกและขี้ตาออกด้วยน้ำอุ่นอย่างเบามือ
- พยายามป้อนน้ำให้น้องแมวดื่มน้ำมาก ๆ
- อุ่นอาหาร และพยายามป้อนให้น้องแมวกิน
- ห้ามป้อนยาทุกชนิดให้น้องแมว นอกจากยาที่แพทย์สั่งเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าตัวยานั้นจะส่งผลอะไรบ้าง
- ติดต่อปรึกษาคลินิกรักษาสัตว์ เพื่อขอคำแนะนำเบื้องต้น
หากพบว่าน้องแมวจามไม่หยุด และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ซึม ไม่กินอาหาร ไม่ดื่มน้ำ หรือไม่ขยับตัว ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด
ทำความรู้จัก “หวัดแมว” ที่ทาสแมวต้องสังเกตให้ดี
หวัดแมว (Cat Flu) คือ โรคในระบบทางเดินหายใจ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง โดยโรคหวัดแมวมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส ได้แก่ Feline Herpesvirus (FHV) และ Feline Calicivirus (FCV) ซึ่งเป็นกลุ่มไวรัสจำเพาะในแมวที่พบได้ทั่วไป หรือเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอย่าง Bordetella Bronchiseptica และแบคทีเรียชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ตามสิ่งแวดล้อม
การติดหวัดแมว
น้องแมวอาจติดหวัดได้จากสารคัดหลั่งของแมวตัวที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตา น้ำมูก หรือน้ำลายในปาก รวมไปถึงการหายใจเอาละอองสารคัดหลั่งเข้าไป ก็ทำให้ติดหวัดแมวได้ ดังนั้นบ้านไหนที่เลี้ยงแมวหลายตัวต้องคอยระวังให้ดีหากมีตัวไหนที่อาการไม่ค่อยดีให้แยกออกไปก่อน
อาการของโรคหวัดแมว
โดยทั่วไป ระยะฟักตัวของเชื้อโรคอยู่ที่ประมาณ 2-10 วัน แต่อาจนานถึง 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อไวรัสที่น้องได้รับ โดยมีสัญญาณเตือนหวัดแมวที่เจ้าของควรจับตาดู ดังนี้
- ไอหรือจามบ่อย แมวที่ป่วยอาจมีอาการไอ ซึ่งอาจไอร่วมกับเสมหะหรือไม่มีเสมหะก็ได้
- น้ำตาไหล มีขี้ตา ในกรณีที่แมวเป็นหวัดรุนแรงขึ้น สังเกตได้ว่ามีขี้ตาเยอะ เปลือกตาบวมแดงหรือบวมจนปิด พร้อมมีน้ำตาไหล หรือน้ำลายยืดตลอดทั้งวันในบางกรณี
- ลิ้น เหงือก และช่องปากอักเสบ ถ้าลองเปิดปากแมวดู อาจพบว่ามีแผลหลุมในช่องปาก มีอาการบวมและอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุให้แมวกินน้อยลงได้ หรือไม่กินอาหาร
- ซึม ไม่ร่าเริง ไม่ค่อยขยับร่างกาย เป็นอาการเริ่มต้นที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อน้องแมวเริ่มป่วย แม้จะยังไม่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นโรคหวัดแมวหรือเปล่า แต่ก็เป็นสัญญาณที่ต้องให้ความสำคัญ
เจ้าของคนไหนที่พบว่าน้องแมวมีอาการดังกล่าว ควรแยกน้องแมวจากสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ๆ ในบ้าน และรีบพาไปพบสัตวแพทย์ โดยคุณหมอจะตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัยโรค ให้การรักษาตามอาการ ให้ยาปฏิชีวนะ ยาละลายเสมหะและขับเสมหะ หรือวิธีการรักษาอื่น ๆ ตามความรุนแรงของอาการ
ป้องกันน้องแมวจากหวัดแมวอย่างไร ?
การป้องกันไม่ให้น้อง ๆ สี่ขาเป็นหวัดแมวและมีสุขภาพแข็งแรงคือ การป้องกันและเสริมภูมิคุ้มกัน เริ่มจากการพาแนวไปฉีดวัคซีนตาม โดยสามารถให้วัคซีนหวัดแมวได้ตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป และฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันในทุก ๆ ปี เพื่อให้น้องแมวมีสุขภาพแข็งแรง อีกทั้งต้องไม่ลืมที่จะหาเวลาพาน้องออกไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน หรือในสวนสาธารณะ อย่างสม่ำเสมอด้วย
สุดท้ายนี้ การเลือกอาหารแมวที่เป็นประโยชน์ มีสารอาหารครบถ้วนตามวัย และให้ความสมดุลทางโภชนาการก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
แนะนำอาหารแมวสูตรพิเศษจาก PCG เพื่อสุขภาพเจ้านายสี่ขา
เพราะสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเริ่มต้นที่การกินอาหาร ทาง PCG จึงมุ่งมั่นคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งของเจ้าของและสัตว์เลี้ยง โดยสูตรที่เรามาแนะนำวันนี้ คือ
1. มีโอ® โกลด์ ซีเล็คชั่นเกรนฟรี ปลาแซลมอนและไก่
อาหารแมวสูตรพิเศษแบบเกรนฟรี (Grain-Free) เหมาะกับน้องแมวแพ้ง่าย ปราศจากธัญพืชและกลูเตน คัดเลือกโปรตีนจากปลาแซลมอนและไก่คุณภาพสูง ที่ย่อยและดูดซึมง่าย พร้อมควบคุมปริมาณโซเดียมและแมกนีเซียมอย่างสมดุล ช่วยลดความเสี่ยงโรคนิ่วและไต อีกทั้งมีแร่ธาตุสำคัญต่อสุขภาพแมว เช่น กรดไขมันโอเมกา-3 และ 6 ไบโอติน ซิงค์ กรดอะมิโนทอรีน วิตามินอี ซีลีเนียม และพรีไบโอติก ส่งเสริมสุขภาพน้องแมวอย่างรอบด้าน
2. มีโอ® โกลด์ ซีเล็คชั่นเกรนฟรี แมวเลี้ยงในบ้าน
แม้จะอยู่ในบ้าน ไม่ได้ทำกิจกรรมมากแต่อย่างใด แต่น้องแมวก็ควรได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วน โดยอาหารแมวสูตรนี้เป็นแบบเกรนฟรี (Grain-Free) ลดโอกาสเกิดอาการแพ้ ให้พลังงานต่ำสำหรับแมวเลี้ยงในบ้าน พร้อมทั้งคงคุณค่าทางโภชนาการต่าง ๆ เอาไว้ครบถ้วน ทั้งโปรตีนจากปลาทูน่า พรีไบโอติกช่วยให้ระบบทางเดินอาหารมีสุขภาพดี สารสกัดยักคาช่วยลดกลิ่นมูล และมีแร่ธาตุสำคัญอย่างกรดไขมันโอเมกา-3 และ 6 ช่วยให้ผิวหนังสุขภาพดีขนสวยเงางาม
3. มีโอ® โกลด์ ซีเล็คชั่นเกรนฟรี ลูกแมว
ลูกแมวเป็นเด็กที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ต้องเลือกอาหารที่มีโภชนาการเหมาะสม โดย มีโอ® โกลด์ ซีเล็คชั่นเกรนฟรี ลูกแมว เป็นสูตรที่พัฒนาขึ้นเสริมสร้างพัฒนาการและการเจริญเติบโตอย่างสมวัย มีโปรตีนคุณภาพสูงจากปลาแซลมอน พร้อมด้วยพรีไบโอติกรวม (FOS GOS และ MOS) ช่วยเสริมระบบทางเดินอาหาร DHA จากน้ำมันปลาทะเลเสริมสร้างพัฒนาการสมอง แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดี ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง รวมไปถึงทอรีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อลูกแมว ช่วยให้ลูกแมวเติบโตอย่างเต็มที่ เป็นเจ้าเหมียวที่แข็งแรง
ใครที่สนใจอาหารแมว Me-O หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ จาก PCG สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ pcgshoponline.com Shopee , Lazada และ Facebook: Me-O Gold Thailand เรามีบริการจัดส่งรวดเร็วถึงบ้าน รับประกันสินค้าแท้ 100%