5 หลุมพรางที่ควรหลีกเลี่ยงในการให้อาหารแมว
19.08.2563
แมว
เคล็ดลับเลี้ยงสัตว์

อย่าทำแบบนี้นะมนุษย์! 5 หลุมพรางที่ควรหลีกเลี่ยงในการให้อาหารแมว

แบ่งปัน:
Loading...

ในชีวิตประจำวันของเรา เราต่างสร้างข้อผิดพลาดในการรับประทานอาหารของตัวเองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกินหวานเกินไป, กินเค็มเกินไป, กินน้อยเกินไป หรือกินมากเกินไป และพฤติกรรมการกินอาหารอื่นๆ อีกมากมายที่กลายมาเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายคอยรังควานเรา ในทางกลับกันสัตว์เลี้ยงเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือก หรือ สามารถที่จะหาอาหารกินเองได้ ดังนั้นผู้เลี้ยงอย่างเราจึงจำเป็นต้องหาสิ่งที่ดีและเหมาะกับเขา เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นก็อาจจะทำให้น้องแมวของเราป่วยได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงรวบรวมบรรดา ‘หลุมพราง’ หรือ ‘ข้อผิดพลาด’ สำคัญมากมายในการให้อาหารแมวที่บรรดาผู้เลี้ยงควรหลีกเลี่ยง เพื่อลดโอกาสการเกิดปัญหาสุขภาพของเจ้าเหมียวในอนาคต
 

1. ให้อาหารมากเกิน


Joe Bartges นักโภชนาการสัตวแพทย์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสัตว์ขนาดเล็ก มหาวิทยาลัยเทนเนสซี ให้ความเห็นว่า ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยที่สุดในบรรดาผู้เลี้ยงแมวคือการให้อาการมากเกิน ซึ่งมักนำมาสู่ภาวะโรคอ้วน “ซึ่งถือเป็นโรคทางโภชนาการที่พบมากที่สุดในแมว”

โดยแม้ว่าแมวตัวอ้วนจะดูน่ารักน่าฟัด แต่ความน่ารักดังกล่าวอาจกลายเป็น ‘หลุมพราง’ ของโรคร้ายมากมายที่อาจทำลายสุขภาพของน้องแมวในระยะยาว โดยเฉพาะภาวะโรคอ้วนซึ่งสามารถนำมาสู่ปัญหาสุขภาพอื่นจำนวนมาก เช่น โรคเบาหวาน, ข้ออักเสบ, โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น

โดยประการสำคัญที่ผู้เลี้ยงอาจต้องทำความเข้าใจก็คือปัญหาการให้อาหารมากเกินในสัตว์ประเภทแมวอาจไม่ใช่เพราะเราจงใจให้อาหารมากเกิน แต่เพราะเมื่อกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยง กิจกรรมของแมวจะไม่เหมือนกับการดำรงอยู่เองอีกต่อไป พวกเขาอาจเคลื่อนไหวน้อยลง นั่งและนอนเป็นประจำ จึงกลายเป็นหลุมพรางที่ทำให้ปริมาณอาหารปกติกลายเป็นปริมาณอาหารที่มากเกินไปสำหรับพวกเขา

ควรให้ปริมาณเท่าใด? ปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อแมวประเภทสัตว์เลี้ยงอยู่ระหว่าง 24-35 แคลอรีต่อวัน โดยผู้เลี้ยงควรสังเกตพฤติกรรมและน้ำหนักของแมวตนเองเพิ่มเติม เพื่อปรับเปลี่ยนปริมาณให้เหมาะสมกับแมวของตนเอง
 

2. ให้เฉพาะอาหารแมวแบบเม็ดแห้ง


“ข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้เลี้ยงแมวคือการให้เฉพาะอาหารแมวแบบแห้ง” Lisa A. Pierson สัตวแพทย์และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ CatInfo.org กล่าวโดย ‘หลุมพราง’ ข้อนี้ไม่ได้เกิดจากความประมาทของผู้เลี้ยงเสียทีเดียวแต่เกิดจากลักษณะโดยธรรมชาติแมวเองที่วิวัฒนาการมาให้ต้องการน้ำน้อยกว่าสัตว์ประเภทอื่น และทำให้ผู้เลี้ยงอาจเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องให้น้ำแมวมากนัก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด

ไม่ว่าลักษณะโดยธรรมชาติของแมวจะต้องการน้ำน้อยมากเพียงใด สิ่งสำคัญที่ผู้เลี้ยงต้องเข้าใจก็คือ พวกมันยังต้องการน้ำอยู่ดีเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย และการขาดน้ำเป็นประจำสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

Pierson แนะนำว่าทางออกที่เหมาะที่สุดคือการให้อาหารแมวแบบเม็ดผสมกับอาหารแมวแบบเปียกที่มีความอร่อย, ลงตัว, และดีต่อสุขภาพ
 

3. ให้น้ำน้อยเกิน


แม้ว่าอาหารแมวแบบเปียกจะช่วยเพิ่มโภชนาการด้านนำให้กับแมวในสัดส่วนหนึ่ง แต่แมวยังต้องการน้ำโดยปกติอยู่เป็นประจำ ซึ่งในขณะที่แมวบางตัวอาจชอบน้ำก๊อก แมวบางตัวก็อาจตรวจจับรสคลอรีนในน้ำก๊อกดังกล่าวได้และปฏิเสธที่จะดื่ม ในผู้เลี้ยงบางราย น้ำที่เหมาะที่สุดสำหรับเจ้าเหมียวจึงเป็นน้ำขวด โดยปริมาณน้ำสะอาดที่เหมาะสมกับแมวต่อวัน อยู่ที่ 210 มิลลิตร
 

4. ให้อาหารหลักเป็นประเภทมังสวิรัติ


อีกหนึ่งปัญหาที่สัตวแพทย์มักประสบพบเจอก็คือการเข้าใจผิดว่าแมวสามารถกินมังสวิรัติได้เหมือนกับสุนัข “แมวคือสัตว์ประเภทกินเนื้อโดยจำเป็น หมายความว่ามันต้องการเนื้อเพื่อความอยู่รอด” องค์กรป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ประจำสหรัฐอเมริกากล่าว “มีเหตุผลมากมายที่แมวไม่ควรเป็นมังสวิรัติ โดยในทุกบรรดาเหตุผล สามารถสรุปได้ในข้อความเดียวก็คือ: ร่างกายของพวกเขาไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เข้ากับโภชนาการดังกล่าว”

นอกจากนี้แมวยังต้องการทอรีน (taurine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในทั้งสัตว์ และมนุษย์พบเฉพาะในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ซึ่งในขณะที่มนุษย์และสุนัขสามารถสังเคราะห์กรดดังกล่าวได้เองเป็นประจำ แต่แมวไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ และอาจนำไปสู่ภาวะร่างกายขาดทอรีนจากการรับประทานอาหารแต่พืชผัก
 

5. ให้อาหารทำเอง (homemade) ที่ไม่สมดุลทางโภชนาการ


อีกหนึ่งหลุมพรางขนาดใหญ่ที่เจ้าของแมวหลายท่านมักตกลงไปก็คือการเข้าใจว่าการผสมอาหารให้แมวกินเอง หรือ อาหารประเภทโฮมเมดนั้นเหมาะสมกับแมว โดยหลงลืมว่าแม้อาหารโฮมเมดอาจจะเกิดจากการคัดสรรของเราเอง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีโภชนาการที่เหมาะสมมากนัก

ตัวอย่าง เช่น การให้ปลาทูน่าเป็นประจำทุกวัน อาจนำมาสู่ภาวะวิตามิน A เป็นพิษ และสร้างภาวะปวดกระดูกและผิวแห้งให้กับแมว ปลาดิบยังทำลายวิตามิน B1 นำมาสู่ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนล้า

ประเภทอาหารแมวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแมวจึงคือประเภทอาหารสำเร็จรูป เช่น อาหารแมวแบบเม็ด มีโอ® ปลาทะเล อาหารแมวเกรดดี รสชาติอร่อย และอาหารแมวแบบเปียก มีโอ® ดีไลท์ ปลาทูน่าในเยลลี่ ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพสูงจากเนื้อปลาทูน่าแท้ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ให้ควบคู่และผสมผสานกันในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อโภชนาการที่สมดุล

แหล่งที่มา:

ข้อมูลสัตว์เลี้ยงที่เกี่ยวข้อง