
แมวเปอร์เซียเลี้ยงยากไหม? ว่าด้วย 4 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับแมวเปอร์เซีย
จากผู้รักแมวทั่วโลก แมวเปอร์เซียได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสายพันธุ์น้องแมวที่ผู้คนนิยมนำมาเลี้ยงมากที่สุดพันธุ์หนึ่ง ทว่าด้วยลักษณะพิเศษหลายอย่างที่ส่งผลให้ผู้เลี้ยงอาจต้องมีเวลาให้น้องมากกว่าการเลี้ยงดูแมวพันธุ์อื่น หลายครั้ง แมวเปอร์เซียจึงมักถูกมองว่า ‘เลี้ยงยาก’ กว่าแมวพันธุ์อื่น แต่ก็มีผู้เลี้ยงหลายท่านที่กล่าวว่า ‘ไม่ยากเลย น้องน่ะเลี้ยงแสนง่าย สบายมาก’ กลายเป็นความสับสนสำหรับหลายคนที่อยากจะลองเทใจให้น้องกันมาแสนยาวนาน ในวันนี้ PCG จึงขอเสนอตัวพาทุกท่านมาร่วมกันหาคำตอบ ผ่านการพิจารณา 4 แง่มุมสำคัญของแมวเปอร์เซียที่รับรองว่าหลังอ่านจบ จะทำให้ทุกคนเข้าใจ ‘ความเป็นน้อง’ และล่วงรู้ ‘ความพร้อมในการเลี้ยงดูน้อง’ ของตนเองกันมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
ทำความรู้จัก ‘แมวเปอร์เซีย’ น้องแมวผู้ครองใจทาสแมวทั่วโลก
แมวสายพันธุ์เปอร์เซีย (Persian Cat) มีถิ่นกำเนิดในแถบเปอร์เซีย หรือในปัจจุบันคือเขตประเทศตุรกีและอิหร่าน ในอดีตและปัจจุบันเองหลายแห่งจึงมักนิยมเรียกว่า ‘แมว Iranian’ โดยจากบันทึกพบว่าบรรพบุรุษของแมวสายพันธุ์เปอร์เซียถูกนำเข้าจากประเทศอิหร่านสู่ประเทศอิตาลีโดยบรรดาพ่อค้าในช่วงปี ค.ศ. 1620 และมักได้รับการเลี้ยงดูโดยชาวยุโรปแต่นั้นเป็นต้นมาจนมีการขยายพันธุ์สู่ประเทศสหรัฐฯ ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 และได้รับการเรียกว่า ‘Persian Cat’ ตามถิ่นกำเนิดในท้ายที่สุด
แมวสายพันธุ์เปอร์เซียที่ผู้คนต่างหลงรักกันในปัจจุบัน ยังมีการแบ่งย่อยลักษณะของน้องออกมาตาม 2 ลักษณะใบหน้าที่แตกต่างกันคือ แมวเปอร์เซียรูปหน้า ‘Peake-face’ (ลักษณะรูปหน้าแบน) และแมวเปอร์เซียรูปหน้า ‘Doll-face’ (ลักษณะรูปหน้ากลม)
แมวเปอร์เซียเลี้ยงยากจริงหรือ? ว่าด้วย 4 เรื่องควรรู้
1. ว่าด้วยเรื่องขน
หากลองถามผู้รักแมวเปอร์เซียว่าชอบส่วนใดของน้องแมวมากที่สุด แน่นอนว่าหนึ่งในคำตอบที่จะต้องปรากฏมากที่สุดก็คือลักษณะขนของน้องที่ฟูสวยยาวและเงางามอย่างโดดเด่น ด้วยการมีถิ่นกำเนิดในเขตอากาศหนาวเย็นจัดอย่างตุรกีและอิหร่าน จึงมีความเชื่อว่าเส้นขนของน้องถูกวิวัฒนาการให้มีลักษณะหนาฟูและยาวเพื่อปกคลุมร่างกายจากสภาพอากาศหนาวเย็น
ทว่าในขณะที่มุมมองด้านวิวัฒนาการและความสวยงาม ลักษณะขนที่ฟูยาวอาจกล่าวได้ว่าเป็นข้อดีและจุดเด่น สำหรับผู้เลี้ยงมักหมายถึงการต้องคอยดูแลขนน้องไม่ให้พันกันหรือ การคอยหวีขนให้เป็นประจำทุกวัน เนื่องจากขนที่พันกัน อาจพันจนกลายเป็นปมหรือสังกะตัง เมื่อพยายามจะมาหวีทีหลัง ก็หวีไม่ออกและมักทำให้น้องเจ็บ เหมือนเวลาที่เส้นผมของเราพันกันนั่นเอง นอกจากนี้ ด้วยขนที่หนาและยาว แมวเปอร์เซียจึงมักขนร่วงบ่อย ตลอดจนเมื่อพยายามถ่ายในกระบะทราย ขนของพวกเขาอาจร่วงลงหรือพันติดกับสิ่งปฏิกูล อาจส่งผลให้ในระยะยาว พวกเขาอาจเลือกไม่ถ่ายในกระบะทราย กลายเป็นปัญหาขับถ่ายไม่เป็นจุดหรือขับถ่ายน้อย ด้วยเหตุนี้ ในการเลี้ยงดูแมวเปอร์เซีย จุดสำคัญที่บางคนมองว่าอาจไม่เหมาะกับตนเองก็คือการต้องคอยดูแลขนของน้องนั่นเอง แต่สำหรับผู้ที่พอจะสามารถอุทิศเวลาราวอย่างน้อย 15-20 นาทีต่อวันทำการหวีขนให้กับน้อง ตลอดจนพาน้องตัดแต่งขนให้เหมาะสมเป็นประจำเมื่อพบว่าเริ่มยาวเกินควร การเลี้ยงดูแมวเปอร์เซียในแง่หนึ่งจึงเสมือนกับการเลี้ยงดูน้องแมวพันธุ์อื่นเลยนั่นเองค่ะ ไม่ได้แตกต่างหรือหนักหนาเกินควรแต่อย่างใด

2.ว่าด้วยเรื่องคราบน้ำตา
ด้วยลักษณะใบหน้าที่เล็กกะทัดรัด แมวเปอร์เซียจึงมักเผชิญกับปัญหาท่อน้ำตาอุดตัน ทำให้มีคราบน้ำตาแห้งกรังติดอยู่รอบดวงตาตลอด นอกเหนือจากการแปรงขน บรรดาผู้รักแมวเปอร์เซียจึงต้องคอยดูแลรอบดวงตาของน้องเพิ่มเติม สำหรับบางคนที่อาจไม่มีเวลามากพอ จึงอาจมองว่าค่อนข้างเป็นภาระ แต่ PCG ขอยืนยันว่าอันที่จริง การคอยดูแลรอบดวงตาแมวเปอร์เซียไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น หรือผลิตภัณฑ์เช็ดรอบดวงตาน้องโดยเฉพาะ เช็ดบริเวณรอบดวงตาดังกล่าวเป็นประจำ ก็จะช่วยกำจัดคราบดังกล่าวให้น้องได้อย่างเรียบร้อยและง่ายดาย
3.ว่าด้วยเรื่องสุขภาพ
ผลการศึกษาโดย Royal Veterinary College และ University of Edinburgh ในปี 2562 พบว่าด้วยการเป็นแมวสายพันธุ์ขนยาวและทรงหน้าสั้น มากกว่า 2 ใน 3 ของแมวเปอร์เซียที่ถูกศึกษาเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับขนอันแสนยาวจนพันกันและปัญหาระบบทางเดินหายใจจากโพรงจมูกที่ค่อนข้างสั้นของมัน ในการเลี้ยงดูที่ปราศจากการคอยแปรงขนและการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ แมวเปอร์เซียจึงอาจป่วยง่ายและสร้างค่าใช้จ่ายในการรักษาให้กับผู้เลี้ยงดู อย่างไรก็ดี สำหรับผู้เลี้ยงที่สามารถเอาใจใส่และดูแลน้องได้อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการเลือกซื้อแมวเปอร์เซียจากผู้ซื้อที่ไว้วางใจได้ โอกาสที่จะเผชิญกับปัญหาดังกล่าวย่อมลดน้อยลงเช่นกัน
4.ว่าด้วยเรื่องสภาพอากาศ
ด้วยถิ่นกำเนิดจากเมืองหนาวและขนที่หนายาวโดยธรรมชาติ การเลี้ยงดูแมวเปอร์เซีย ส่วนใหญ่จึงคาดหวังว่าอย่างน้อยผู้เลี้ยงจะต้องสามารถจัดที่ทางในสภาพอากาศที่สบายตัวพอประมาณให้กับน้องได้ ไม่ว่าจะด้วยการพึ่งพาเครื่องปรับอากาศหรือในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก โปร่ง โล่งสบาย การเลี้ยงดูแมวเปอร์เซียให้ทั้งน้องและเรามีความสุข สุขภาพจิตดี จึงอาจต้องพิจารณาความพร้อมในด้านสถานที่ของเราประกอบ
หากพิจารณากันในแง่ของลักษณะนิสัย จะเห็นว่าแมวเปอร์เซียนั้นว่าเป็นสายพันธุ์ที่ว่านอนสอนง่าย, รักสงบ, สุภาพ, และไม่ได้ต้องการความสนใจพิเศษใดจากเรามากนัก แต่ในแง่มุมของเรื่องสุขภาพและสุขอนามัย แน่นอนว่าอาจต้องใส่ใจเป็นพิเศษ คำถามที่ว่า ‘แมวเปอร์เซียเลี้ยงยากไหม?’ ท้ายที่สุดคำตอบจึงขึ้นอยู่กับเรานั่นเองว่าต่อวันมีเวลาพอสำหรับน้องหรือเปล่า, พร้อมในด้านสถานที่ตลอดจนค่าใช้จ่ายอาหารแมวหรือไม่ หากคำตอบของเราคือ ‘พร้อม’ แน่นอนว่าการเลี้ยงดูน้องแมวเปอร์เซียจึงหาเป็นภาระหนักใดนั่นเอง