ปลาคาร์พ
20.03.2555
ปลา

ปลาคาร์พ

แบ่งปัน:
Loading...

ปลาคาร์พ เป็นปลาน้ำจืดที่มีแหล่งดั้งเดิมมาจากบริเวณประเทศอิหร่าน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าCyprinus carpio เป็นปลาที่พัฒนามาจากกลุ่มปลาไนและปลาตะเพียน มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามละประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ เรียก “Carp” ภาษาจีน เรียก “หลีฮื้อ” ซึ่งคล้องกับคำว่า “หลี่” ที่หมายถึง “กำไร” ภาษาญี่ปุ่น เรียก “โค่ย” “โค-อิ” “นิชิกิกอย” (Koi, Nishikigoi) และภาษาไทย เรียก “คาร์พ” “แฟนซีคาร์พ” “ปลาไนญี่ปุ่น” “ปลาอัมรินทร์” เป็นต้น ปลาคาร์พดั้งเดิมไม่ได้มีสีสันเหมือนเช่นในปัจจุบันนี้ เดิมเป็นเพียงปลาที่มีไว้ใช้สำหรับบริโภค มีสีเทา ดำ เท่านั้น เมื่อเริ่มมีการพัฒนาสายพันธุ์จากธรรมชาติ  ทำให้เกิดปลาที่มีสีสันมากกว่าเดิม เช่น สีแดง สีขาว สีเหลือง เป็นต้น และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการนำปลาชนิดนี้มาเลี้ยง เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ สีสัน ให้สวยงามดังเช่นในปัจจุบัน

ปลาคาร์พ เป็นปลาที่มีความหลากหลายอย่างมาก ทั้งจากชนิด (Types) สีสัน (Colorations) และจุดเด่น (Markings) ทำให้เกิดชื่อเรียกมากมายตามลักษณะที่พบเห็น ปลาคาร์พที่ได้รับความนิยมและมีผลงานการประกวดที่ดี มักเป็นปลาคาร์พในสายของ “โคฮากุ (Kohaku)” “ไทโชซันโชกุ (Taisho Sanshoku)” “โชวาซันโชกุ (Showa Sanshoku)” และ “อุจึริโมโน (Utsurimono)”

โคฮากุ (Kohaku) คือ ปลาคาร์พที่มีสีขาวแดงอยู่ในตัว เป็นชื่อที่มาจากคำว่า “โค” ซึ่งหมายถึง สีแดงดั่งเลือดนก และคำว่า “ฮากุ” ซึ่งหมายถึง สีขาวดั่งหิมะ

ไทโชซันโชกุ (Taisho Sanshoku) หรือ ซันเก้ (Sanke) คือ ปลาคาร์พที่มีสามสี ขาว แดง และ ดำ ซึ่งเกิดขึ้นและมีชื่อเสียงจากยุค “ไทโช” ซึ่งเป็นยุคการปกครองหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ส่วนคำว่า “ซันโชกุ” นั้นหมายถึง สามสี นั่นเอง

โชวาซันโชกุ (Showa Sanshoku) หรือ โชวา (Showa) คือ ปลาคาร์พที่มีสามสี ขาว แดง และ ดำ ซึ่งเกิดขึ้นและมีชื่อเสียงจากยุค “โชวา” ซึ่งเป็นยุคการปกครองหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ส่วนคำว่า “ซันโชกุ” นั้นหมายถึง สามสี เช่นกัน ปลาคาร์พสายนี้มีความคล้ายคลึงกับปลาคาร์พสายไทโชซันโชกุ เพราะ มี 3 สี เช่นเดียวกัน แตกต่างกันตรงที่ โชวาซันโชกุ จะมีการแทรกของพื้นสีดำที่มีขนาดกว้างกว่าทั้งบริเวณลำตัว และ บริเวณครีบอก และบริเวณหน้าส่วนใหญ่ก็มักจะมี 3 สี

อุจึริโมโน (Utsurimono) คำว่า “อุจึริ” หมายถึง แถบสีดำที่พาดผ่านจากบริเวณสันหลังด้านบนของลำตัว ลงมาจนถึงบริเวณใต้ท้อง และคำว่า “โมโน” หมายถึง ประเภท ชนิด ดังนั้น ปลาคาร์พกลุ่มนี้จึงหมายความถึง ปลาคาร์พที่มีแถบสีดำพาดผ่านบริเวณลำตัว และสีพื้นของปลาที่ได้รับความนิยมคือ สีขาว (ชิโร่) สีเหลือง และ สีแดง

อาหารของปลาคาร์พ ณ ปัจจุบัน พบว่า ผู้เลี้ยงโดยส่วนใหญ่นิยมการให้อาหารแบบเม็ดสำเร็จรูปมากกว่าอาหารสด เนื่องจากมาตรฐานของอาหาร คุณภาพ ความสะอาด และ ความปลอดภัยจากการปนเปื้อนเชื้อโรคและพยาธิ ที่มีมากกว่าอาหารสด อาหารที่มีส่วนผสมของสาหร่ายสไปรูไลน่า(Spirulina plantensis) หรือเรียกอีกชื่อว่า สาหร่ายเกลียวทอง เป็นสาหร่ายเซลล์เดียว ที่มีสีเขียวแกมน้ำเงิน ขนาดเล็กจนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจาก สาหร่ายสไปรูไลน่าอุดมไปด้วยสารสีธรรมชาติ เช่น คลอโรฟิลด์ แคโรทีนอยด์ และไฟโคไซยานิน ที่มีความสำคัญต่อการเกิดสีบริเวณผิวหนังของปลา และสำหรับแคโรทีนอยด์ ยังมีบทบาทเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันในปลาให้แข็งแรงยิ่งขึ้นอีกด้วย เหมาะสมกับผู้เลี้ยงปลาที่ต้องการเพิ่มสีสันความสวยงามของปลาคาร์พที่เลี้ยงอยู่ ให้ดูมีชีวิตชีวา สีสันสดใส ซึ่งการเกิดสีที่ผิวหนังของปลานั้น ถ้าไม่มีพื้นเดิมจากสายพันธุ์ของปลาที่มีการแฝงของสีเหลืองอยู่แล้ว โอกาสที่จะทำให้ผิวสีขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนั้นเป็นไปได้ยากมาก การเปรอะของสีเหลืองบนพื้นสีขาวของปลา มักมีที่มาจากสาเหตุของตัวปลาเอง สภาพความเป็นกรดด่างของน้ำ และ สุขภาพโรคภัยไข้เจ็บของปลาเอง

นอกเหนือจากอาหารปลาคาร์พที่มีส่วนผสมของสาหร่ายสไปรูไลน่าแล้ว อาหารที่ได้รับความนิยมอีกอย่างก็คือ อาหารที่มีส่วนผสมของจมูกข้าวสาลี (Wheat germ) ซึ่งเป็นแหล่งสารอาหารที่ดี ย่อย และ ใช้ประโยชน์ได้ง่าย อุดมไปด้วย วิตามินอี วิตามินบี ซีลีเนียม  กรดไขมันจำเป็น และ ใยอาหาร ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระรวมทั้ง ช่วยสร้างเสริมความแข็งแรงของร่างกาย เหมาะสมกับผู้เลี้ยงปลาที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงของปลา และการดูแลสุขภาพของผิวหนังอย่างเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ปลาคาร์พที่เลี้ยงดูแลอยู่จะแข็งแรง สวยงามเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน 3 อย่าง นั่นก็คือ
1. ตัวของปลาเอง สายพันธุ์ของปลา
2. การจัดการสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคุณภาพของน้ำ ที่เป็นบ้านของปลา และ
3. อาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน สมดุล

ปลาคาาร์พ

ข้อมูลสัตว์เลี้ยงที่เกี่ยวข้อง