อยากเลี้ยงม้าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
21.07.2565
ม้า
เคล็ดลับเลี้ยงสัตว์

อยากเลี้ยงม้าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

แบ่งปัน:
Loading...

โดย อ.สพ.ญ. ณัฏฐ์นรี คุณานุสนธิ์

การเตรียมตัวสำหรับผู้เริ่มต้นคิดอยากจะเลี้ยงม้า หรือมีม้าสักตัว สิ่งสำคัญที่เราควรต้องเตรียมให้พร้อมมีทั้งหมด 3 หัวข้อ ดังนี้ 1. สถานที่ คอกม้า แปลงปล่อย 2. การจัดการด้านอาหาร 3. การวางแผนการดูแลสุขภาพสำหรับม้า 

อยากเลี้ยงม้าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การเตรียมสถานที่สำหรับเลี้ยงม้า ควรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง 

1. คอกม้า ควรมีขนาดที่ใหญ่พอสำหรับม้า โดยแนะนำให้คอกม้ามีขนาดใหญ่อย่างน้อย 1.5 เท่าของความยาวตัวม้า เพื่อให้ม้าสามารถอยู่อาศัย พลิกตัว หมุนตัวภายในคอกได้อย่างสบาย และยังช่วยลดปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาถ้าคอกมีขนาดเล็กเกินไป 

2. การระบายอากาศ การระบายอากาศในคอกม้าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญคอกม้าควรที่จะมีการระบายอากาศที่ดี เพดานสูง โปร่ง ให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นหรือกลิ่นต่างๆที่สะสมอยู่ภายในคอกม้า 

3. การระบายน้ำ คอกม้าควรมีระบบหรือการจัดการการระบายน้ำที่ดี เพื่อที่จะสามารถระบายน้ำ ความชื้น พื้นเปียกแฉะที่เกิดจากสิ่งปฏิกูลของม้าและการล้างทำความสะอาดคอกม้าด้วย 

4. แปลงปล่อยม้า ม้าควรที่จะมีแปลงปล่อยหรือสนามหญ้าเพื่อให้ม้าได้มีพื้นที่ในการแทะเล็มหญ้า เดิน วิ่ง เพื่อออกกำลังกาย รวมไปถึงยังช่วยลดความเครียดจากการที่อยู่แต่ในคอกนาน ๆ ได้ด้วย และยังมีข้อดีที่สามารถทำให้ช่วยลดการเกิดปัญหาเรื่องของขาและกีบต่าง ๆ ตามมาได้อีกด้วย 

อยากเลี้ยงม้าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การจัดการด้านอาหารสำหรับม้า ประกอบด้วยอาหารหลักๆ ดังนี้ 

1. อาหารข้น หรืออาหารเม็ด ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของม้าคือ 0.5-2% ต่อน้ำหนักตัวม้า ทั้งนี้ทั้งนั้นปริมาณอาหารจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของม้าตัวนั้น ๆ และการแบ่งการให้อาหารข้นควรแบ่งประมาณ 3-4 มื้อต่อวัน เนื่องจากม้าไม่ควรได้รับอาหารข้นต่อมื้อมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือภาวะเสียดท้องตามมาได้ หรือการที่ได้รับอาหารข้นมากเกินไปก็สามารถทำให้เกิดปัญหาไข้ลงกีบตามมาได้เช่นกัน 

2. อาหารหยาบ หรือหญ้าชนิดต่าง ๆ ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของม้าคือ 1-1.5% (ปริมาณน้ำหนักของอาหารหยาบแบบแห้ง) ต่อน้ำหนักตัวม้า โดยสามารถแบ่งการให้หญ้าออกเป็นมื้ออาหาร หรือให้กินตลอดทั้งวันได้ แต่ทั้งนี้การให้หญ้าม้าควรจะมีปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยเกินไป เพื่อลดการเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือภาวะเสียดท้องตามมาได้เช่นกัน

3. น้ำ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับม้ามาก ปริมาณของการกินน้ำที่ม้าต้องการต่อวันคือ ประมาณ 30-32.5 ลิตรต่อน้ำหนักตัวม้า 500 กิโลกรัม หรือ ควรที่จะมีน้ำให้ม้ากินตลอดทั้งวัน เนื่องจากอากาศเมืองไทยค่อนข้างร้อน ม้าจะระบายความร้อนจากร่างกายได้ทางการขับเหงื่อจะสูญเสียน้ำออกจากร่างกายได้ค่อนข้างง่าย นอกจากการเตรียมน้ำให้ม้าได้กินตลอดวันแล้วในช่วงที่อากาศร้อนการเสริมพวกเกลือแร่ อิเล็คโตรไลท์ นอกจากจะช่วยทดแทนเกลือแร่ที่ม้าสูญเสียไปกับเหงื่อ แล้วยังอีกสิ่งที่สามารถช่วยกระตุ้นให้ม้าสามารถกินน้ำเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย 

อยากเลี้ยงม้าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การดูแลสุขภาพม้า 

1. การทำความสะอาดตัวม้า แนะนำให้ทำเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการปัดขน แปลงขน และอาบน้ำม้า เพื่อขจัดคราบฝุ่นละอองสิ่งสกปรกต่างๆที่สะสมอยู่บนตัวม้า ซึ่งอาจส่งผลให้ม้าเกิดปัญหาเรื่องโรคผิวหนังต่างๆตามมาได้ 

2. การดูแลกีบม้า แนะนำให้ทำความสะอาดแคะกีบ ล้างกีบเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่างๆที่บริเวณกีบม้าที่จะสามารถนำไปสู่การเกิดปัญหาที่กีบต่างๆตามมาได้ ยกตัวอย่างเช่น กีบเน่า กีบเปื่อย กีบอักเสบติดเชื้อเป็นฝี และยังแนะนำให้ดูแลกีบม้า (ตะไบกีบม้า) อย่างน้อยทุก 45 วัน เพื่อลดปัญหาความยาว โครงสร้างของกีบที่อาจผิดปกติไปจนอาจส่งให้เกิดความผิดปกติในการเดิน วิ่ง และทางด้านสรีระต่างๆของม้าอีกด้วย 

3. การถ่ายพยาธิ แนะนำให้ถ่ายเป็นประจำทุก 3 เดือน หรืออย่างน้อยทุก 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับการจัดการ) เพื่อป้องกันการติดพยาธิภายในต่างๆ ที่ม้าอาจได้รับมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การปล่อยแปลงแทะเล็มหญ้า หรือจากหญ้าที่ม้ากินเข้าไป รวมไปถึงแมลงพาหะต่างๆ ซึ่งปัญหาที่จะตามมาจากการมีพยาธิในทางเดินอาหารได้ คือ ม้าจะมีอาหารผอม ผิวหนังโทรม บางตัวพบพยาธิออกมาจากอุจจาระ พยาธิในตาม้า รวมไปถึงการอุดตันของพยาธิจำนวนมากในทางเดินอาหารจนเป็นสาเหตุให้ม้าเกิดภาวะเสียดท้อง และถึงแก่ชีวิตได้อีกด้วย 

4. การทำวัคซีนในม้ามี จุดประสงค์หลักๆคือป้องกันการเกิดโรคต่างๆ โดยวัคซีนในม้าที่มีและแนะนำให้ทำในประเทศไทย ประกอบด้วย 

4.1 วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดม้า แนะนำให้ฉีด ทุก 6 เดือน 

4.2 วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้ง 

4.3 วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้ง

4.4 วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้ง 

5.การตรวจฟัน แนะนำให้ทำการตรวจสุขภาพฟันม้าทุก 6 เดือน หรืออย่างน้อย 1 ปี ต่อครั้ง เนื่องจากลักษณะของฟันม้าจะมีความคมและยาวขึ้นเรื่อย ๆ ตามการใช้งาน โดยทางฟันกรามบนมักจะยาวและคมฝั่งด้านที่ติดกับกระพุ้งแก้ม และทางฟันกรามล่างจะยาวและคมฝั่งด้านที่ชิดลิ้น โดยปัญหาหลัก ๆที่ มักพบได้บ่อยเกี่ยวด้านฟันของม้าคือ การเกิดแผลภายในปากเนื่องจากความคมของฟันที่ยาวขึ้น การติดเชื้อภายในรากฟัน หรือการคงค้างของฟันบางตำแหน่ง ซึ่งหากพบว่าม้ามีปัญหาเรื่องฟันมักจะพบอาการ กินอาหารน้อยลง มีปัญหาในเรื่องของการบดเคี้ยวอาหาร หรือคายหญ้าคายอาหารร่วมด้วย 

6.การตรวจเลือด เพื่อตรวจหาโรคติดต่อต่าง ๆ ทางห้องปฏิบัติการ แนะนำให้ตรวจสำหรับการเคลื่อนย้ายม้า ซื้อขายม้า หรือสำหรับม้าที่จะเข้าร่วมแข่งขันขี่ม้าต่างๆ โดยโรคที่ทางกรมปศุสัตว์ควบคุม และบังคับที่จะต้องตรวจทั้งหมด 3 โรค คือ 

6.1 โรคพยาธิในน้ำเลือด หรือ โรคเซอร่า (Trypanosomiasis, Surra) 

6.2 โรคโลหิตจางในม้า (Equine infectious anemia) 

6.3 โรคกาฬโรคแอฟริหาในม้า (African Horse Sickness, AHS) 

ซึ่งโรคต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นโรคที่ติดต่อจากแมลงพาหะซึ่งสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและส่งผลเสียให้ถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้ระยะเวลาของการรายงานผลตรวจจะขึ้นกับกฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ แล้วแต่หน่วยงาน โดยข้อดีของการตรวจเลือดม้าในทุกกิจกรรมต่าง ๆ ข้างต้น คือ จะสามารถช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเหล่านี้เข้ามาสู้ม้าในฟาร์มของเราได้ ร่วมถึงลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคในม้าตัวอื่น ๆ อีกด้วย

ข้อมูลสัตว์เลี้ยงที่เกี่ยวข้อง